แชร์

รวมเรื่องต้องรู้ก่อน 'กู้ร่วม' ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด!

อัพเดทล่าสุด: 23 ส.ค. 2024
221 ผู้เข้าชม

กู้ร่วมคืออะไร? 
"กู้ร่วม" คือการทำสัญญายื่นกู้สินเชื่อก้อนเดียวกัน เพื่อให้ทางธนาคารเห็นว่าจะมีอีกคนมาช่วยรับผิดชอบ (แบก) หนี้ เพิ่มความมั่นใจว่าจะสามารถผ่อนชำระได้ตามกำหนด ทำให้ขออนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น หรือได้วงเงินสูงขึ้น โดยปกติแล้วจะกู้ร่วมได้ไม่เกิน 3 คน สามารถกู้ร่วมได้ในสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ 


 

ใครบ้างที่ขอกู้ร่วมได้?

1. คนที่มีนามสกุลเดียวกัน เช่น พี่-น้อง พ่อ-แม่-ลูก

  

2. พี่-น้องท้องเดียวกัน แม้จะคนละนามสกุลก็สามารถกู้ร่วมได้ โดยต้องแสดงทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรระบุว่ามีพ่อแม่คนเดียวกัน

 

3. สามี-ภรรยา แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็กู้ร่วมกันได้ แต่ต้องแสดงหลักฐานการเป็นสามี-ภรรยากัน เช่น ภาพถ่ายหรือการ์ดงานแต่งงาน หนังสือรับรองบุตร

 

4. คู่รัก LGBTQ+ จะต้องมีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ เช่น รูปภาพเพื่อยืนยันว่าเป็นคู่รักกันจริง หรือเอกสารยืนยันว่าอาศัยอยู่ร่วมกันจริง เช่น ทะเบียนบ้านที่มีชื่อทั้งสองคน หรือเอกสารในการกู้ซื้อทรัพย์สินร่วมกัน เช่น รถยนต์ หรือเอกสารการทำธุรกิจร่วมกัน 

 

ประโยชน์ของการกู้ร่วม

1.  ขออนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น คนที่ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดฯ แต่กังวลว่าจะไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาของธนาคาร หากมีผู้กู้ร่วมที่มีสุขภาพการเงินแข็งแรง ก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น 

2. ได้วงเงินสูงขึ้น การมีผู้กู้ร่วมฐานรายได้ที่นำมาพิจารณาก็จะเพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสได้วงเงินสูงขึ้น

3. ไม่ต้องแบกภาระหนี้คนเดียว การกู้ร่วมทำให้เรามีคนช่วยผ่อนชำระหนี้ และเป็นการกระจายความเสี่ยง เผื่อวันหนึ่งเราขาดสภาพคล่อง ก็ยังมีผู้กู้ร่วมที่สามารถชำระหนี้ได้ เพราะลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยกัน  
 
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจลงเรือลำเดียวกัน

1. กู้ร่วมไม่ได้แปลว่าต้องหารหนี้เท่า ๆ กัน การกู้ร่วมไม่ได้แปลว่าจะต้องรับผิดชอบฝ่ายละครึ่ง (หรือหารเท่าๆ กัน) แต่ทุกคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินก้อนนี้ร่วมกัน ดังนั้นถ้าผิดชำระหนี้หรือถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ธนาคารมีสิทธิ์จะเรียกชำระหนี้จากใครก็ได้ที่เป็นผู้กู้ร่วม


2. การใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในการกู้ร่วม การกู้ร่วมอสังหาริมทรัพย์จะมีอยู่ 2 แบบคือ "ใส่ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์" แบบนี้ง่ายและสะดวก แต่ผู้กู้ร่วมจะไม่มีกรรมสิทธิ์ใด ๆ ในอสังหาฯ นั้น กับอีกแบบคือ "ใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์" แบบนี้ทุกคนจะมีสิทธิ์เท่าๆ กัน แต่หากต้องการขายอสังหาฯ นั้น จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ทุกคน

3. การกู้ร่วมและได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจะหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ จะแบ่งกันเองไม่ได้ แต่จะลดหย่อนรวมได้สูงสุดเพียง 100,000 บาท (ถ้ากู้ร่วม 2 คน แปลว่าลดหย่อนได้สูงสุดคนละ 50,000 บาท)

4. ทำอย่างไรหากผู้กู้ร่วมเสียชีวิต กรณีผู้กู้ร่วมเสียชีวิตจะต้องแจ้งธนาคาร มิเช่นนั้นสัญญาจะไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้เสียชีวิต (ที่ธนาคารประเมินแล้วว่าสามารถจ่ายหนี้ได้) จะเข้ามารับช่วงต่อการผ่อนชำระ  
 
ลงชื่อกู้ร่วมแล้วจะยกเลิกได้มั้ย?

เมื่อเปลี่ยนใจที่จะตกลงกู้สินเชื่อร่วมกัน สามารถเลือกจะถอนชื่อกู้ร่วมได้ก็ต่อเมื่อธนาคารพิจารณาแล้วว่าผู้กู้ร่วมที่เหลืออยู่สามารถผ่อนชำระไหว หรือใกล้หมดสัญญาแล้ว แต่ถ้าธนาคารเห็นว่าคนที่เหลืออยู่ผ่อนไม่ไหว ก็ต้องหาคนอื่นมากู้ร่วมแทน ท้ายที่สุดแล้ว ความสำคัญของ "การกู้ร่วม" คือ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ ทำให้ธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้น จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคู่ที่อยากมีธุรกิจร่วมกัน หรือซื้อบ้านเพื่อสร้างอนาคต แต่ก่อนจะตัดสินใจกู้ร่วม ต้องมั่นใจก่อนว่าคนนั้น ๆ ไว้ใจได้ และมีความสามารถในการจ่ายหนี้ หรือการกู้ร่วมซื้อบ้านกับคนรัก อยากให้แน่ใจว่าจะลงหลักปักฐานกับคนนี้จริงๆ เพราะเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องไปให้ตลอดรอดฝั่ง 

1. กู้ร่วมไม่ได้แปลว่าต้องหารหนี้เท่า ๆ กัน การกู้ร่วมไม่ได้แปลว่าจะต้องรับผิดชอบฝ่ายละครึ่ง (หรือหารเท่าๆ กัน) แต่ทุกคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินก้อนนี้ร่วมกัน ดังนั้นถ้าผิดชำระหนี้หรือถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ธนาคารมีสิทธิ์จะเรียกชำระหนี้จากใครก็ได้ที่เป็นผู้กู้ร่วม

2. การใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในการกู้ร่วม การกู้ร่วมอสังหาริมทรัพย์จะมีอยู่ 2 แบบ คือ "ใส่ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์" และ "ใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์" ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน

3. การกู้ร่วมและได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจะหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ จะแบ่งกันเองไม 
                        


บทความที่เกี่ยวข้อง
เปรียบเทียบการ เช่า vs ซื้อ คอนโด แบบไหนคุ้มกว่า
ในการตัดสินใจเลือกระหว่างการเช่าหรือซื้อคอนโด นั้นต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุด ทั้งในด้านค่าใช้จ่าย การตกแต่งภายใน และการต่อยอดลงทุนในอนาคต รวมถึงความสะดวกต่อการโยกย้ายที่อยู่อาศัย ซึ่งแต่ละทางเลือกก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน
14 มิ.ย. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy